เรื่องราวของ เสื้อ POLO

MDs’ STYLE | เรื่องราวของ เสื้อ POLO ไอเท็มชิ้นสำคัญสำหรับแฟชั่นสุดคลาสสิกที่คนมีชื่อเสียงใส่กันทั่วโลก
 
หลายคนอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า “กาลเวลาทำอะไรความคลาสสิกไม่ได้” และสำหรับ MenDetails แล้วนั้น เสื้อ POLO ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มของความคลาสสิกที่น่าหยิบยกมาพูดถึง เพราะเป็นเสื้อที่ใส่ได้ในหลากหลายโอกาส ได้ลุคกึ่งทางการ ที่ดูสบายแต่ยังคงความสุภาพอยู่นั่นเอง

จุดเริ่มต้นของคำว่า “เสื้อ POLO”

เสื้อ POLO เป็นชื่อที่เรียกตามกีฬาโปโล ซึ่งเป็นกีฬาที่ผู้เล่นทุกคนจะขี่ม้าและตีลูกบอลเพื่อทำประตู โดยผู้คนเริ่มรู้จักกีฬาโปโลจากเมือง Manipur ประเทศอินเดีย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเมืองอาณานิคมของประเทศอังกฤษอยู่ เมื่อกลุ่มทหารและชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในอินเดียได้เห็นการแข่งขันโปโล จึงมีการนำกลับไปเผยแพร่ที่ประเทศของตัวเองในปี 1862 และยังมีการพัฒนาอุปกรณ์พร้อมทั้งเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬาโปโลโดยเฉพาะ จากเสื้อที่เป็นผ้าฝ้ายแขนยาวและผ้าหนา ก็ได้มีการเพิ่มดีเทลปกเสื้อที่มีกระดุมลงไปเพื่อไม่ให้ปกเสื้อกระพือไปเกะกะเวลาที่ผู้เข้าแข่งขันขี่ม้าอยู่นั่นเอง

ในปี 1896 ดีเทลของคอเสื้อของกีฬาโปโลนั้น ไปสะดุดตา John E. Brooks (จอห์น อี. บรู๊คส์) หลานชายผู้ก่อตั้งแบรนด์ตัวแทนสุภาพบุรุษจากอเมริกา Brooks Brothers ขณะที่เข้าชมการแข่งขันโปโลในประเทศอังกฤษเข้า จึงเกิดไอเดียนำไปพัฒนากับเสื้อแบรนด์ของตัวเองจนกลายเป็นเสื้อ Button-Down Polo Shirt เนื้อผ้าเป็นผ้า oxford และตรงปกเสื้อจะมีกระดุมเพื่อยึดปกเสื้อเข้ากับตัวเสื้อไว้ข้างละ 1 เม็ด

THE ORIGINAL POLO SHIRT คือชื่อที่ Brooks Brothers ยังคงใช้เรียกเสื้อสไตล์ Button-Down ของตัวเองอยู่เสมอจนถึงปัจจุบัน

เมื่อทาง Brooks Brothers เรียกเสื้อในรูปแบบนี้ว่า Polo Shirt เราจึงถือว่านี่เป็นครั้งแรกที่คำว่า “เสื้อโปโล” ได้ถือกำเนิดขึ้น แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปผู้คนส่วนใหญ่มักจดจำเสื้อแบบนี้ในฐานะ Button-Down Shirt เสียมากกว่าและกลายเป็นออริจินัลของเสื้อเชิ้ตแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ในขณะที่ต้นแบบของเสื้อโปโลในสายตาของคนทั่วโลกในปัจจุบัน จะเป็นเสื้อที่ออกแบบโดย  Jean René Lacoste ในอีกหลายทศวรรษถัดม

นักกีฬาเทนนิสมือหนึ่งจากฝรั่งเศสกับ เสื้อ POLO

เครื่องแบบของนักเทสนิสในยุคก่อนที่ René Lacoste จะออกแบบเสื้อโปโลของตัวเอง

“เสื้อโปโล” ที่เราเข้าใจกันในปัจจุบันนั้น แม้จะใช้ชื่อว่า “โปโล” ทว่ากลับไม่ได้เกิดจากกีฬาโปโลโดยตรง แต่กลับเริ่มต้นขึ้นเมื่อครั้งที่ René Lacoste (เรอเน่ ลาคอสท์) นักเทนนิสชาวฝรั่งเศสที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลก ในช่วงปี 1926 – 1927 ดัดแปลงเสื้อที่สวมใส่ในการแข่งขันเทนนิสเสียใหม่ จากชุดเทนนิสขาว เสื้อแขนยาวกลัดกระดุม พร้อมเนคไท และกางเกงขายาวผ้าสักหลาด ที่บ่งบอกถึงการสงวนกีฬานี้ไว้สำหรับชนชั้นสูง กลายเป็นเสื้อแบบสวมศีรษะ ทอด้วยผ้า Pique (ปีเก้) ปรับปกเสื้อให้เป็นปกอ่อน เปลี่ยนจากแขนยาวให้กลายเป็นแขนสั้นแทน 

René Lacoste ขณะรับถ้วยรางวัล US Open ที่  Forest Hills ปี 1927

ตั้งแต่แมตช์การแข่งขัน US Open Championship ปี 1927 ได้เผยแพร่ออกไป เสื้อแบบใหม่ที่ René Lacoste สวมใส่ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ชุดเทนนิสแบบเก่าที่มีแขนยาวรุ่มร่ามทจนต้องคอยม้วนแขนเสื้อขึ้น กลายเป็นเสื้อแขนสั้นที่เคลื่อนไหวได้สะดวกสบาย นักกีฬาเทนนิสด้วยกันเริ่มมองหาเสื้อแบบเดียวกับที่ Lacoste ใส่ และไม่ใช่แค่วงการกีฬาเทนนิสเท่านั้นที่เปลี่ยนเครื่องแบบมาเป็นเสื้อสไตล์นี้ แต่กีฬาชนิดอื่นอย่างกอล์ฟและขี่ม้าโปโลก็นำเอาเสื้อแบบนี้มาใส่เป็นเสื้อทีมเช่นกัน

ก่อตั้งแบรนด์ Lacoste โลโก้จระเข้ที่เราคุ้นตา

René Lacoste วางมือจากกีฬาเทนนิสในปี 1933 ขณะเดียวกันนั้นก็เป็นปีที่เขาและเพื่อนของเขา André Gillier (อองเดร ชิลลิเยร์) ที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อที่ฝรั่งเศส ร่วมกันก่อตั้งแบรนด์ Lacoste ขึ้นมาเพื่อผลิตเสื้อแขนสั้น คอปกอ่อน ทอด้วยผ้าฝ้ายปีเก้ที่ระบายความร้อนได้ดี จนในภายหลังถูกเรียกว่า เสื้อโปโล นั่นเองครับ 

โลโก้รูปจระเข้ของแบรนด์มีที่มาจากฉายา The Crocodile ที่ René Lacosteได้รับมาจากการแข่งขัน Davis Cup ในปี 1923ที่ Alan Moore กัปตันทีมให้สัญญาว่าหาก Lacoste ชนะการแข่งขันแมตช์นี้จะซื้อกระเป๋าหนังจระเข้แท้มอบให้ แล้วนักข่าวบังเอิญได้ยินเข้าพอดี จึงนำไปตั้งเป็นฉายาของนักเทสนิสระดับตำนานคนนี้นั่นเอง

เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งจากเสื้อโปโลของ Lacoste คือ การปักโลโก้ไว้ตรงอกเสื้อด้านนอก เป็นอะไรที่แปลกใหม่และแตกต่างจากเสื้อแบรนด์อื่น ๆ ระยะเวลาเกือบ 20 ปีหลังจากก่อตั้ง แบรนด์ก็ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากความนิยมที่อยู่เพียงในแวดวงการกีฬา เริ่มออกสู่อุตสาหกรรมบันเทิง จากเสื้อโปโลสีขาวที่เป็นเครื่องแบบของนักกีฬาเทนนิส ได้มีการเพิ่มความหลากสีสันเข้าไป มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น จากที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศสก็ขยับขยายไปยังประเทศอื่นอย่างสหรัฐอเมริกาในที่สุด คงต้องบอกว่า Lacoste เป็นต้นฉบับของเสื้อโปโลที่เฟื่องฟูอย่างมากในยุคนั้นเลยล่ะครับ

อีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากฝั่งอเมริกา POLO Ralph Lauren 

นอกจากเสื้อโปโลที่ออกแบบโดยนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลกแล้ว ยังมีเสื้อโปโลจากฝีมือการออกแบบของดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากวงการแฟชั่นเช่นกันครับ ปี 1972 Ralph Lauren ได้ออกแบบเสื้อโปโลถึง 24 สีในทรง single fit ภายใต้ชื่อแบรนด์ POLO Ralph Lauren เพื่อเป็นโปรดักส์ไลน์เสื้อผ้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่จดจำจากโลโก้รูปคนขี่ม้าเล่นกีฬาโปโล 


เสื้อโปโลจาก POLO Ralph Lauren นั้นขายดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็น การแข่งขันในเรื่องส่วนแบ่งการตลาดเสื้อโปโลขึ้น ระหว่าง Lacoste ที่เป็นต้นแบบได้รับความนิยมเกือบ 5 ทศวรรษ กับ POLO Ralph Lauren ที่ขายตัวแบรนด์ เน้นความคลาสสิกและเรียบหรู ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนอเมริกัน ในช่วงปี 1980 เป็นต้นมา


บุคคลมีชื่อเสียงที่ใส่เสื้อ POLO เป็นเครื่องแต่งกายคู่ใจ

ปี 1953 ประธานธิบดีสหรัฐฯ Dwight D. Eisenhower (ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์) เลือกสวมใส่เสื้อโปโล Lacoste เพื่อออกรอบตีกอล์ฟ 
ปัจจุบันเสื้อโปโลเป็นไอเท็มชิ้นหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับใครที่ชอบแต่งตัวสไตล์ classic menswear เลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะมาเป็นเสื้อผ้ากึ่งทางการที่ได้รับความนิยมจนผู้ชายทุกคนต้องมีติดตู้อย่างทุกวันนี้ เสื้อโปโลกลายเป็นไอเท็มที่ดูและมีสไตล์ได้เพราะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเลือกสวมใส่เป็นเครื่องแต่งกายคู่ใจครับ


บุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์อย่าง Clint Eastwood (คลินต์ อีสต์วูด) ใส่เสื้อโปโล Lacoste ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง A Fistful Of Dollars ในปี 1964 รูปถ่ายอยู่ในลุคเสื้อโปโลสีเขียว Turquoise ทำให้เข้าใจได้ว่าในช่วงนั้นคนนิยมใส่โปโลสีสดใสกันแล้ว เป็นลุคที่ดูสบาย ๆ แต่ยังคงดูเท่และมีสไตล์ทีเดียวครับ


มาถึงผู้ชายที่ได้ฉายาเรื่องความเท่กันต่อกับ “King of cool” Steve McQueen (สตีฟ แม็คควีน) ภาพนี้ถ่ายหลังจากภาพยนตร์ Bullitt ออกฉาย 2 ปี  เขาอยู่ในลุคสวมเสื้อสเวตเตอร์น้ำตาลทับเสื้อโปโลสีเข้ม ซึ่งการใส่เสื้อมี layer ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้การแต่งกายของเราดูมีอะไรขึ้นมาครับ


ยังมีคนในวงการ Hollywood อีกจำนวนมากที่ใส่เสื้อโปโลจนเป็นเอกลักษณ์ อย่างเช่น Elvis Presley (เอลวิส เพรสลีย์) , James Dean (เจมส์ ดีน) เป็นต้น คงต้องบอกว่าของชิ้นไหนที่ Icon Style ในยุคนั้นเลือกใส่ก็จะได้รับความสนใจและใคร ๆ ต่างก็อยากสวมใส่ตามครับ


หากพูดถึงเสื้อ POLO ขึ้นมา ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสหลักจะเป็นแบรนด์ใหญ่อย่าง Lacoste, Ralph Lauren หรือ Fred Perry แต่ก็มียังมีแบรนด์ Local จากอีกหลายประเทศที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอยู่อีกครับ อย่าง Yeossal จากสิงคโปร์ หรือ Wear not tear จากฮ่องกง ซึ่งควรเลือกให้เหมาะกับความชอบและสไตล์ของเราจะได้ถูกใจที่สุดนะครับ

ข้อมูลอ้างอิง : www.mendetails.com